ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) บอกว่า การถีบส่งพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทย เป็นธรรมดาที่เสียงของผู้คนในสังคมจะไม่พอใจอย่างแน่นอน เพราะเคยให้คำมั่นวาจากันว่าจะเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กให้แก่กัน หรือจะอยู่กันเป็นข้าวต้มมัดที่ไม่แยกจากกัน
สุดท้ายกลับเลือกหักหาญน้ำใจแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แล้วกระแสสังคมจะยิ่งรุนแรงกว่าเดิมอีกหากพรรคเพื่อไทยเลือกไปร่วมกับ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นพรรคของ 2 ลุง ขั้วอำนาจเก่า
เนื่องจากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาสะท้อนชัดเจนว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงจนทำให้คะแนนเทมาที่พรรคฝ่ายค้านเดิมทั้งพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยอย่างท้วมท้น
เดินเกมสงครามระหว่าง “ปากท้อง เงินในกระเป๋า ที่ตนเองถนัด หรือ อุดมการณ์ที่พรรคก้าวไกลนำเสนอ”
เมื่อพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนชัดว่า ยังไงตัวเองก็ต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ จึงต้องหาสิ่งใดมาขายให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่พอใจ หากดูพื้นที่จุดยืนทางการเมืองของพรรคตอนนี้ ชัดเจนว่า เรื่อง “อุดมการณ์การเมือง” สู้ไม่ได้พรรคก้าวไกลครองเสียงเหล่านี้ไว้หมดแล้ว ด้วยความชัดเจนทั้งนโยบายแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง กวาดล้างปัญหาคอรัปชัน ลดทุนผูกขาด การปัญหาแก้ไขงบประมาณ ลดทอนอำนาจเดิม
แต่เพื่อไทยแทบไม่แตะปัญหาเหล่านี้ ย่อมทำให้เพื่อไทยต้องเดินเกมสงครามระหว่าง “ปากท้อง เงินในกระเป๋า ที่ตนเองถนัด หรือ อุดมการณ์ที่พรรคก้าวไกลนำเสนอ” เพื่อแลกใจประชาชน ต่อให้ตอนนี้ถูกด่ายังไง แต่ตัวเองเป็นรัฐบาลมีอำนาจในมือ
ก็เหลือเพียงโจทย์เดียว คือ “ต้องทำให้เศรษฐกิจดี” แล้วใช้การแก้ไขปัญหาปากท้องเข้ามาชดเชย ไม่ว่าจะอัดฉีดเงิน เอาเงินเข้ากระเป๋าประชาชนให้มากที่สุด เพื่อชดเชยเสียงก่นด่าเหล่านั้นเพื่อให้ประชนลืมเรื่องราวที่ผ่านมา ก่อนจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งครั้งถัดไป
สิ่งที่เพื่อไทยทำได้มีเพียงอย่างเดียว ต้องทำให้เศรษฐกิจดีเท่านั้น ผมมองว่า ณ จุดนี้เสียงของประชาชนอาจจะก่นด่า เพราะเป็นเรื่องของอุดมคติ แต่ถ้าเกิดเพื่อไทยได้เข้าไปบริหาร อย่างน้อยสัก 2-3 ปีก่อนเลือกตั้งรอบหน้า เพื่อไทยจะมีโอกาสดูแลเศรษฐกิจ มีโอกาสในการเอาเงินเข้ากระเป๋าของประชาชน เอาเงินเข้ากระเป๋าของพี่น้องประชาชน ดูว่าการหมุนเวียนของเศรษฐกิจมันดีขึ้นเท่าไหร่ มันก็จะกลายเป็นสงคราม อุดมการณ์เทียบกับปากท้องทันที ว่าท้ายที่สุดในการเลือกตั้งคราวหน้า คุณจะยังคงอุดมการณ์อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเชิงโครงสร้าง หรือคุณสนใจเงินในกระเป๋าของคุณที่มีมากพอจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
“ชูวิทย์” แฉกลยุทธ์ “แสนสิริ” เลี่ยงภาษีที่ดิน 521 ล้านบาท โฉนดเดียวรับโอน 12 คน 12 วัน คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เตือน!พรรคเพื่อไทย อย่าท้าทายความรู้สึกปชช. หวั่นซ้ำรอย พ.ร.บ.สุดซอย
ไม่เห็นด้วยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ สูงถึง 5 แสนล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ต่อไปของพรรคเพื่อไทยหลังการเข้าเป็นรัฐบาล เช่น การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดร.นณริฎ แจกแจงให้ฟังว่า อาจต้องใช้งบประมาณสูงถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งตนเองในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ระดับนี้ หากกระตุ้นเพียง 1-2 แสนล้านบาทยังพอรับได้
เนื่องจากหากใช้เงินงบประมาณสวนทางกับความจำเป็นทางเศรษฐกิจย่อมมีผลกระทบต่อภาระการคลังของประเทศ รวมถึงปัญหาปัจจุบันของเศรษฐกิจไทย คือ กลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ ฐานะค่อนข้างยากจน คนที่มีหนี้สินสูง หรือกระทั่งร้านค้าเองที่ควรเป็นกลุ่มรายย่อย เอสเอ็มอีตัวเล็กๆ ให้เงินลงสู่รากหญ้าให้นโยบายมีประสิทธิภาพ และคนได้รับถูกฝาถูกตัว ไม่ใช่การนำเงินไปอุดหนุนนายทุนเจ้าใหญ่ที่เขามีกำลังอยู่แล้ว
อีกหนึ่งนโยบายอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างปรับขึ้นค่าแรง แม้จะปรับขึ้นเป็น 600 บาท แต่รายละเอียดนั้นจะทยอยปรับขึ้นเป็นลำดับขั้น 353 บาทขยับไปเป็น 400 แล้วค่อยๆ ขึ้นในทุกปี จึงถือว่าไม่น่ากังวลมากนัก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาดูว่าเมื่อปรับค่าแรงขึ้นไป เงินเฟ้อ ราคาสินค้า ราคาอาหาร ค่าบริการต่างๆ จะปรับขึ้นตามไปด้วยหรือไม่